ทำใมต้องเล่านิทาน
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่แทบทุกคนในปัจุบัญต้องรู้จักนักวิทยาศาสตร์ ชื่อก้องโลกชื่อว่า ไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์มีความฉลาดทางปัญญา (IQ) ประมาณ 180 ขณะที่คนทั่วไปมีไอคิวประมาณ 90-100 เท่านั้นเอง เข้าได้ให้ข้อคิดสำคัญไว้ว่า ถ้าอยากจะให้ลูกฉลาดคุณพ่อคุณแม่ควรจะเล่านิทานให้ลูกฟังเป็นประจำ และถ้าให้ลูกฉลาดมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรรู้ไหม ไอน์สไตน์บอกว่า ต้องเล่านิทานให้ลูกฟังหลายๆ เรื่อง คิดว่าคนฉลายเช่นนี้พูดใว้อย่างนี้ เราคงต้องเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงขอขยาย ความว่าจริงแล้วนิทานช่วยสร้างสรรค์ให้เด็กฉลาดแบบเบ็ดเสร็จได้อย่างไร
สิ่งแรกที่สุด นิทานเสริมปัญญาเด็ก
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานให้ฟัง ลูกต้องได้อยู่ไกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นผู้เล่า ทำอย่างนี้ทุกๆความใกล้ชิดในครอบครัวย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กจะรู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่าตนเองเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่จึงเล่านิทานให้ฟัง ขณะเล่านิทาน บรรยากาศที่เกิดขึ้นเป็นบรรยากาศแห่งความสุขของทุกคน คุณพ่อคุณแม่และลูกซึ่งนั่งหรือนอนฟังอยู่อย่างใกล้ชิดเป็นภาพแห่งความอบอุ่นตามธรรมชาติของครอบครัวที่มิรู้ลืม
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว บางครั้งหรือบ่อยครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะทำเสียงเลียนแบบตัวละครตามเนื้อเรื่อง ซึ่งจะสร้างความสุขให้กับเด็กอย่างยิ่ง เป็นความสนุกสนานที่ยากจะลืมเลือน สรา้งความผูกพัน มั่นใจเชื่อมันใจตนเอง ซึ่งจะเริมปัญญาเด็กได้อย่างดียิ่ง
ประการที่ 2 ปลูกผังให้เป็นเด็กช่างคิดช่างถาม ช่างสักเกต
ขณะเล่านิทานให้ลูกฟังลูกอาจจะไม่เข้าใจข้อความบางตอน หรือศัพท์บางคำ ลูกก็อาจจะให้เล่าซ้ำๆ หรือถามคำถามว่าความหมายว่าอย่างไรตรงนี้แหละจะสร้างให้เด็กเป็นคนกล้าถาม คนกล้าถามแสดงว่ามีอะไรอยากรู้อยากเห็น และช่วงเวลาอย่างนี้คุณพ่อคุณแม่ก็มักจะมีอารมณ์ ในการตอบอย่างสนุกสนานด้วย หากถามมากแล้วรู้คำตอบทุกครั้งก็ยิ่งสร้าง ให้เด็กเข้าใจในสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเด็กที่ฉลาดมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น บางครั้งคุณพ่อคุณแม่เล่าเรื่องเดิมแต่คุณคุณพ่อคุณแม่เล่าผิดเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง แต่ลูกจำได้ลูกก็จะแสกงความคิดเห็นออกมา ทำให้เด็กกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น การแสดงความคิดเห็นถูกจังหวะอย่างเรียกว่า มีความฉลาดทั้งปัญญา และฉลาดทางอารมณ์ ด้วย
ประการที่ 3 เด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
นิทานเปรียบเทียบเหมือนเป็นการสอนภาษาไทยไปในตัว เด็กจะได้ยินได้ฟังประโยค การใช้ภาษาไปในตัวอย่าสนุกสนานโดยไม่รู้ตัว แบบการเรียนไวยากรณ์ไทยในสัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่งถ้านิทานบางเรื่องเป็นโคลง หรือ กลอน หรือฉันทลักษณ์อื่นๆ มีคำสัมผัสต่างๆ เด็กยิ่งจะชอบ ฟังบ่อยๆ พลอยจะเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนในอนาคตได้ดี เป็นการซึมซับแบบไม่รู้ตัว เด็กจะมีทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้ภาษาไทยต่อไปอีกด้วย
ประการที่ 4 เด็กจับประเด็นเก่ง วิเคราะห์เก่ง
การเล่านิทานเรื่องซ้ำให้เด็กฟัง ความจริงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็ก เด็กจำนวนมากที่อย่ากจะให้คุณพ่อคุณแม่เล่าเรื่องเกิมหลายๆ ครั้งโดยไม่รู้สึกเบื่อ ผลเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม รอบแรกๆ ลูกอาจจะเข้าใจในแต่ละช่วงๆ แต่ละตอน แต่อาจจะปะติดปะต่อไม่ได้ ฟังหลายๆรอบ ครั้งก็จะจำได้ทั้งเเรื่อง เด็กจะมองภาพรวมของเรื่องทั้งหมดออก ทไให้เด็กรู้จักจับประเด็น เป็นคนที่จับประเด็นเก่ง ย่อความเก่งต่อไป รู้จักมองสรรพลิ่งเป็นระบบ มีความคิดรวบยอกสูง คนเก่า ฉลาด ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่จับเรื่องจับประเด็นได้เร็ว มองอะไรทะลุปรุโปร่ง คิดอะไรมองอะไรเป็นระบบ ตีบทแตก ตีประเด็นแตก เข้าใจเรื่องเร็ว นี้คือความฉลาดประการที่ 4
ประเด็นที่ 5 สร้างสมาธิให้กับเด็ก
ช่วงของการเล่านิทานเด็กจะฟังอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งอกตั้งใจยิ่งคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานที่เหมะสมกับอายุเด็ก เด็กจะเข้าใจและอยากรู้ต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นช่วงนี้แหละเป็นการสร้างสมาธิให้กับเด็ก พบว่าเด็กฉลาดหรือเก่งมักจะเป็นคนที่มีสมาธิสูง สมาธิจึงเป็นองค์ประกอบของคนฉลาดทางปัญญา จากการเล่านิทาน
ประการที่ 6 สร้างให้เด็กมีจินตนาการ
คุณพ่อคุณแม่อาจจะติดว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เล่าให้ลูกฟัง ลูกได้ยินเสียงอย่างเดียว ความจริงไม่ใช่ที่เสียงที่ได้ยินเท่านั้น เสียงที่เล่าออกมาจะไปกรัตุ่นให้ เด็กสร้างจินตนาการ เป็นภาพทุกขั้นตอนที่คุณพ่อคุณแม่เล่าเช่น คุณพ่อคุณแม่เล่าว่า ”หมาตัวหนึ่งคาบก้อนเนื้อกำลังเดินข้ามลำน้ำแห่งหนึ่งขณะที่มันกำลังเดินอยู่บนสพานนั้น มันได้ชำเลืองลงไปในน้ำเบื่องล่างอีกก้อนหนึ่ง มันเกิดความโลภจนทนไม่ใหม จึงได้กระโจนลงไปในน้ำเพื่อที่จะแย่งก้อนเนื้ออีกก้อนจากเงาของมันเอง…” ภาพที่เกิดขึ้นในสมองเกิดจากจินตนาการของเด็กโดยอิงกับประสบการณ์กับจิตนาการใหม่ เสริมเติมเป็นภาพที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามเนื่องที่คุณพ่อคุณแม่เล่า คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าจิตนาการยิ่งใหญ่กว่าความรู้ จิตนาการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้นในโลกของเรา เครื่องบิน ทีวี อีกมากมาย เกิดจากจินตนาการ ก่อนทั้งสิ้น ความรู้ทำให้คนฉลาดมากขึ้นระดับหนึ่ง คนที่มีจินตนาการเก่างๆ ทำความเจริญได้ไม่มีขีดจำกัด นวัตหรรมต่างๆ จำนวนมาก หรือความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการจินตนาการต่างๆ โดยอาจะอิงฐานข้อมูลความรู้หรือไม่อิงก็ได้ การเล่านิทานบ่อยๆ มากๆ เรื่องเป็นการสร้างความรู้จิตนาการพร้อมๆ ไปกับรับรู้ถึงความรู้ใหม่ที่ลูกยังไม่เคยเข้าใจมาก่อนเพื่มเรื่อยๆ จินตนาหารจึงเป็นความฉลาดที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นความฉลาด ที่ คุณพ่อคุณแม่คงอยากจะให้เกิดกับลูกมาก

